จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 มีมติอนุมัติให้ระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในโกดังของรัฐบาลให้กับเอกชน 2 ราย ที่เสนอราคาสูงสุด รวม 338,195 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,590 ล้านบาท เฉลี่ยราคาตันละ 4,300-4,480 บาท ได้แก่ 1.ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) นครสวรรค์เบญจศิริกิจ ปริมาณ 315,169 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,454 ล้านบาท และ หจก.เทียนหงษ์ เทรดดิ้ง ปริมาณ 23,026 ตัน คิดเป็นมูลค่า 136 ล้านบาท ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งพิจารณาตามข้อมูลที่คณะอนุกรรมการด้านการตลาด ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในส่วนโควต้าของกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นแกนนำ เป็นผู้นำเสนอ
ผู้สื่อข่าว "มติชน" รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการจดทะเบียนจัดตั้ง หจก.เทียนหงษ์ เทรดดิ้ง พบว่า จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2548 มีทุนจดทะเบียน 11 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 14 หมู่บ้านร่มเย็นเพลส ซอย 2 ถนนร่มเย็น ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50300 ประกอบกิจการขายสินค้าทางการเกษตร เป็นธุรกิจขนาดเล็ก มีนายสุรชาติ คหินทพงษ์ เป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จำนวน 99.4545% ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ครั้งนี้ เพราะวงเงินที่รับซื้อ 136 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่สำหรับ หจก.นครสวรรค์เบญจศิริกิจ จากการตรวจสอบพบว่า มีทุนจดทะเบียนเพียง 5 ล้านบาท เท่านั้น โดยจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2545 ประกอบธุรกิจจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร บริการขนส่ง-บริการ, ค้าส่ง ตั้งอยู่ที่ 65/2 หมู่ที่ 8 ตำบลพยุหะ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ 60130 เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ปรากฏชื่อ น.ส.ทรรศนีย์ ส่งเสริมอุดมชัย เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน และหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมกับนายวีระ บำรุงศรี อดีตนักร้องวงมะนิลาบราซิลเลี่ยน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ หจก.นครสวรรค์เบญจศิริกิจ ทางอินเตอร์เน็ต พบว่ามีชื่อนายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย อดีต ส.จ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทย เป็นเจ้าของด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลงบการเงินของ หจก.นครสวรรค์เบญจศิริกิจ ย้อนหลัง 3 ปี คือ ตั้งแต่ปี 2549-2551 พบว่า มีฐานะการเงินที่ไม่สอดคล้องกับธุรกรรมที่เข้าประมูลงานของรัฐที่มีมูลค่า กว่า 1,454 ล้านบาท โดยปี 2549 มีสินทรัพย์รวมแค่ 11.4 ล้านบาท ปี 2550 มี 5.9 ล้านบาท และปี 2551 มี 6.8 ล้านบาท ขณะที่กำไรสะสมของ หจก.ฯ ปี 2549 อยู่ที่ 3.9 ล้านบาท ก่อนที่ปี 2550 จะปรับเพิ่มเป็น 4.9 ล้านบาท และขยับขึ้นเป็น 5.7 ล้านบาท ในปี 2551 ส่วนเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน ปี 2549 อยู่ที่ 51,062 บาท ก่อนเพิ่มในปี 2550 เป็น 1.9 ล้านบาท และลดลงในปี 2551 อยู่ที่ 1.5 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการขายและบริการสุทธิ ปี 2549 อยู่ที่ 25 ล้านบาท แต่ปี 2550 กลับมีรายได้สูงขึ้นมากอย่างผิดสังเกตเป็น 110 ล้านบาท และลดลงเหลือ 86 ล้านบาทในปี 2551 ขณะที่กำไรสุทธิ ปี 2549 อยู่ที่ 1.1 ล้านบาท ปี 2550 ปรับลดลงอยู่ที่ 916,952.78 บาท ก่อนที่จะปรับลดลงต่อเนื่องในปี 2551 อยู่ที่ 881,687.95 บาท
"หากพิจารณาถึงแหล่งเงินทุนที่ หจก.ดังกล่าวจะนำมาใช้หมุนเวียนในการบริหารโครงการข้างต้น พบว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้เงินกู้ แต่เมื่อตรวจสอบสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน พบว่า จากปี 2549 มีเพียง 11.3 ล้านบาท ปี 2550 อยู่ที่ 3.8 ล้านบาทและเหลือเพียง 5.2 ล้านบาท ในปี 2551 ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอในการกู้เงินมาใช้สำหรับโครงการมูลค่านับพันล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวม ปี 2549 อยู่ที่ 6.4 ล้านบาท ก่อนที่ปี 2550 จะปรับลดมาเหลือ 58,803.63 บาท และเหลือ 20,000 บาท ในปี 2551" ผู้สื่อข่าวรายงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลงบการเงินที่ตรวจพบครั้งนี้ วิเคราะห์ได้ว่า หจก.นครสวรรค์เบญจศิริกิจ มีความจำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุนค่อนข้างสูงในการรับซื้อข้าวโพดจากโครงการ ข้างต้น ซึ่งหลักการทั่วไป อาจใช้วิธีการเพิ่มทุนหรือนำข้าวโพดในสต๊อคของรัฐบาล ไปค้ำประกันกับสถาบันการเงิน แต่มีความเสี่ยงอยู่มาก โดยเฉพาะกับสถาบันการเงิน หาก หจก.นครสวรรค์ฯ ผิดนัดไม่มารับสินค้าตามไปส่งออกตามสัญญา ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับการระบายข้าวในอดีตที่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ที่ชนะการประมูลข้าวในสต๊อครัฐบาลกว่า 2 ล้านตัน และใช้ข้าวเป็นหลักประกันการกู้เงินจากธนาคารหลายแห่ง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถรับมอบข้าวได้ตามสัญญา จนถูกเลิกสัญญา ทำให้สถาบันการเงินฟ้องล้มละลายบริษัท เพรซิเดนท์ในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบประเด็นที่น่าสนใจว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2552 ก่อนที่ หจก.นครสวรรค์เบญจศิริกิจ จะเข้ามาเสนอขอซื้อข้าวโพดในสต๊อครัฐบาลจำนวนมากครั้งนี้ ได้เกิดเพลิงไหม้ไซโลอบข้าวโพด ของ หจก.เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุเกิดจากเครื่องจักรร้อนจัด หรือมีอะไรไปปิดบังที่ระบายความร้อนแล้วเกิดระเบิดขึ้นมา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1263734577&grpid=01&catid=05
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น